แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เตรียมรับมือชีวิตโดยปราศจาก เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) ในเกมพบอาร์เซนอล (Arsenal) กองกลางทีมชาติเบลเยียมได้รับบาดเจ็บระหว่างเกมแชมเปียนส์ลีกกับ อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) ฟิล โฟเดน (Phil Foden), แจ็ค กรีลิช (Jack Grealish) และ อิลคาย กุนโดกัน (Ilkay Gundogan) อาจต้องสวมบทบาทสำคัญแทน รับชมเกม แมนฯ ซิตี้ พบ อาร์เซนอล ได้ทาง ข่าวกีฬา
แมนฯ ซิตี้อาจต้องลงสนามโดยไร้ เดอ บรอยน์ ในเกมบิ๊กแมตช์กับอาร์เซนอล
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจต้องลงสนามโดยไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ ในเกมสำคัญกับอาร์เซนอลวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้เห็นภาพอนาคตของทีมเรือใบสีฟ้าหากปราศจากกองกลางคนสำคัญรายนี้
มิดฟิลด์วัย 33 ปีเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บเอ็นหลังเข่าที่ทำให้เขาพลาดลงสนามไปจนถึงต้นปี 2024 ในฤดูกาลที่แล้ว แต่กลับมาลงสนามอย่างสม่ำเสมอในฤดูกาลนี้ โดยได้ลงตัวจริงทุกนัดยกเว้นเพียงนัดเดียว
เดอ บรอยน์ ลงสนามในเกมแชมเปียนส์ลีกที่พบกับอินเตอร์ มิลาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งหลังจากแสดงอาการเจ็บในครึ่งแรก กล้องจับภาพได้ขณะที่เขากุมบริเวณขาหนีบพร้อมสีหน้าบิดเบี้ยว เขาไม่ได้กลับออกมาจากอุโมงค์หลังพักครึ่ง และถูกแทนที่ด้วย อิลคาย กุนโดกัน
เป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) กุนซือใหญ่กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “ผมยังไม่ทราบรายละเอียด ยังไม่ได้พูดคุยกับแพทย์ ผมจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อได้คุยกับพวกเขา เราจะประเมินอาการของเขาในวันพรุ่งนี้ (วันพฤหัสบดี)”
การขาดหาย เดอ บรอยน์ มองไปถึงอนาคตของซิตี้?
จากอาการบาดเจ็บและการถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนกำหนด ชัดเจนว่า เดอ บรอยน์ มีความเสี่ยงสูงที่จะพลาดลงสนามในเกมใหญ่กับอาร์เซนอล ซึ่งจะถ่ายทอดสดทาง ข่าวกีฬา ในวันอาทิตย์นี้
ซิตี้เคยรับมือกับการขาดหายของมิดฟิลด์คนสำคัญมาก่อน แต่ครั้งนี้ดูจะมีนัยสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากมีกระแสความสนใจจากลีกซาอุดีอาระเบีย และสัญญาที่กำลังจะหมดลงของเขา
สัญญาปัจจุบันของ เดอ บรอยน์ จะหมดลงในซัมเมอร์หน้า และเขาเคยแสดงความเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะไปรับความท้าทายใหม่ เช่น การย้ายไปตะวันออกกลาง
“ในวัยของผม คุณต้องเปิดใจรับทุกโอกาส” เดอ บรอยน์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเบลเยียม Het Laatste Nieuws ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะฤดูร้อน “เรากำลังพูดถึงจำนวนเงินที่มหาศาลในช่วงท้ายของอาชีพ บางครั้งคุณก็ต้องคิดถึงมันบ้าง”
“ถ้าผมไปเล่นที่นั่นสักสองปี ผมอาจจะได้รับเงินจำนวนมหาศาล ก่อนหน้านี้ผมต้องเล่นฟุตบอลมา 15 ปี ผมอาจจะยังไม่ได้รับเงินถึงจำนวนนั้นด้วยซ้ำ”
เมื่อ เดอ บรอยน์ ดูเหมือนจะเปิดใจรับการย้ายทีม และสัญญาที่กำลังจะหมดลง เกมกับอาร์เซนอลอาจเป็นภาพจำลองให้เห็นว่าชีวิตที่สนามเอติฮัดจะเป็นอย่างไรหากไม่มีเขาอยู่ในทีม
ถึงเวลาของโฟเดนที่จะรับบทผู้นำ
ผลงานของ เดอ บรอยน์ หลังกลับมาจากอาการบาดเจ็บในฤดูกาลที่แล้ว ด้วย 4 ประตูและ 10 แอสซิสต์ ในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 4 ติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าเขายังคงอยู่ในช่วงขีดสุดของความสามารถ แต่สถานการณ์นี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป
การเสริมทัพล่าสุดของซิตี้ รวมถึงขุมกำลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้วในทีม ทำให้พวกเขาพร้อมรับมือกับอนาคต
กุนโดกัน, โฟเดน, กรีลิช, มาเทอุส นูเนส (Matheus Nunes), แบร์นาร์โด ซิลวา (Bernardo Silva), มาเตโอ โควาซิช (Mateo Kovacic) และ ออสการ์ บ็อบบ์ (Oscar Bobb) ที่บาดเจ็บ ล้วนเป็นตัวเลือกให้กวาร์ดิโอลาใช้งานเพื่อสร้างสรรค์เกมรุก โดยบทบาทใหม่ของกรีลิชในทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ ลี คาร์สลีย์ (Lee Carsley) อาจมาได้จังหวะพอดี
ในช่วงที่ เดอ บรอยน์ ไม่อยู่ครั้งล่าสุด โฟเดนหรือ จูเลียน อัลวาเรซ (Julian Alvarez) ที่ย้ายไปอยู่กับแอตเลติโก มาดริด (Atletico Madrid) แล้ว มักได้รับโอกาสลงเล่นในตำแหน่งของเขา และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยโฟเดนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA จากผลงานตลอดฤดูกาล
ดาวเตะทีมชาติอังกฤษเริ่มต้นฤดูกาลใหม่อย่างไม่ราบรื่นเนื่องจากมีอาการป่วย แต่ได้ลงเล่นเป็นนัดที่สองของฤดูกาลในเกมกับ อินเตอร์ และจะมีบทบาทสำคัญทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของทีม โดยเฉพาะหาก เดอ บรอยน์ ย้ายออกจากทีม
โฟเดนพัฒนาฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาจากอคาเดมี่ของซิตี้ แต่ด้วยการมีรุ่นพี่อย่าง เดอ บรอยน์, เซร์คิโอ อเกวโร (Sergio Aguero), ดาบิด ซิลบา (David Silva) และ วินเซนต์ กอมปานี (Vincent Kompany) อยู่เหนือเขาเสมอ ทำให้ทีมยังไม่เคยรู้สึกเป็นของเขาอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม 19 ประตูและ 4 แอสซิสต์ในลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงแฮตทริกในเกมที่พลิกกลับมาชนะแอสตัน วิลลา (Aston Villa) 4-1 โดยไม่มี เดอ บรอยน์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาพร้อมที่จะรับบทผู้นำของทีม
ผลกระทบต่อแผนการเล่นของแมนฯ ซิตี้
การขาดหายไปของ เดอ บรอยน์ อาจส่งผลให้ กวาร์ดิโอลา ต้องปรับแผนการเล่นของทีม โดยอาจต้องพึ่งพาความสร้างสรรค์จากผู้เล่นหลายคนแทนที่จะเป็นเพียงคนเดียว
โฟเดน อาจได้รับโอกาสให้แสดงศักยภาพในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาถนัดและเคยทำผลงานได้ดีมาแล้วในอดีต ขณะที่ กรีลิช อาจได้รับบทบาทสำคัญมากขึ้นในการสร้างสรรค์เกมรุก
นอกจากนี้ กุนโดกัน ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม อาจได้รับโอกาสให้แสดงฝีเท้าในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเคยทำผลงานได้ดีในทีมชาติเยอรมนี
มองไปข้างหน้า อนาคตของแมนฯ ซิตี้หลัง เดอ บรอยน์
แม้ว่าการสูญเสีย เดอ บรอยน์ จะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแมนฯ ซิตี้ แต่ทีมเรือใบสีฟ้าก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับอนาคตไว้แล้ว ด้วยการเสริมทัพนักเตะดาวรุ่งและมีประสบการณ์เข้ามาในทีม
การเสียนักเตะคนสำคัญอย่าง เดอ บรอยน์ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทีมต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นและพัฒนาผู้เล่นรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้ดาวรุ่งอย่าง โฟเดน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีมในอนาคต